ในเบื้องต้นนี้
จะขออธิบายสรุป ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนสายยุบหนอพองหนอ กับ สายนามรูปโดยภาพรวมอย่างคร่าวๆ
เสียก่อน
แล้วผมจะค่อยๆ
อธิบายลงรายละเอียดในระดับลึกต่อไป
คำว่า
“สายยุบหนอพองหนอ” ในที่นี้ก็คือ
สายยุบหนอพองหนอที่เผยแพร่โดยพระมหาโชดก แห่งวัดมหาธาตุ
ส่วนคำว่า
“สายนามรูป” หมายถึง
สายที่เผยแพร่โดยมหาอุบาสิกาแนบ มหานีรนานนท์
การปฏิบัติธรรมทั้ง
2 สายดังกล่าว เป็นมรดกตกทอดมาจากพระพม่าด้วยกัน
ในกรณีนี้
ผมหมายความรวมถึง สาวกของพระมหาที่วัดท่ามะโอ กับ วัดภัททันตะฯ ที่บ้านบึง ชลบุรี และสาวกของพระพม่าสำนักอื่นๆ ด้วย
แต่ถ้าเอามาเขียนทั้งหมด
เนื้อหามันจะไม่กระชับ ก็เลยยกอย่างสำนักดังๆ เพียง 2 สำนักก็พอ
รับรองว่า
หลักฐานสนับสนุนของผมเป็นไปตามหลักวิชาการทุกประการ
และสามารถพิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ได้ทุกเมื่อ
ความเข้าใจผิดและความคลาดเคลื่อนของสายสายพองยุบ-นามรูปมีลักษณะ
ดังนี้
1) เข้าใจผิดคิดไปว่า
วิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียวทำให้บรรลุมรรคนิพพานได้
ความใจผิดอันนี้
เป็นความเข้าใจผิดอันอย่างใหญ่หลวงของพระภิกษุชาวพม่า เนื่องจากคิดไปเองว่า วิปัสสนากรรมฐาน
ทำให้เกิดวิปัสสนาญาณได้
และวิปัสสนาญาณแต่เพียงอย่างเดียวทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้
ในความเป็นจริงที่ปรากฏในพระสูตร
สิ่งที่จะทำให้บรรลุพระอรหันต์คือ วิชชา 3 และ อริยสัจ
4 ไม่มีพระสูตรและพระวินัยใดๆ
ที่กล่าวว่า วิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียว สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้
นอกจากนั้นแล้ว
วิปัสสนากรรมฐาน แต่เพียงอย่างเดียว
ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิด วิปัสสนาญาณ ได้
ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า
เมื่อปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้ว จะต้องปฏิบัติให้ผ่านโพชฌงค์เสียก่อน เพราะ
โพชฌงค์เป็นพื้นฐานแก่ วิชชา 3 และ วิมุตติ
ในการตรวจสอบว่า
ตัวเองจะได้ญาณในระดับใดนั้น ต้องตรวจสอบกับวิสุทธิ 7
ดังนั้น
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียว
ไม่สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้ นี่คือ
ความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ของพระภิกษุชาวพม่าที่ได้นำมาเผยแพร่ในเมืองไทย
2)
เข้าใจผิดคิดไปว่า สติปัฏฐาน 4 แต่เพียงอย่างเดียว ทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้
จากความเข้าใจผิดประการแรกที่กล่าวไป
เมื่อหัวข้อที่ผ่านมา คือ
เข้าใจผิดว่าวิปัสสนากรรมฐานทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้
เมื่อพระภิกษุชาวพม่ากลุ่มนี้
คิดค้นวิธีปฏิบัติธรรมแบบใหม่ขึ้น ก็คือการปฏิบัติธรรมแบบพอง-ยุบ กับ นาม-รูป ซึ่งความจริงแล้ว น่าจะเข้าอยู่ในหมวดของ
"กายคตานุสสติ" ซึ่งอยู่ใน อนุสติ
10 มากกว่า
แต่เมื่อมีความเข้าใจผิด
คิดไปเองว่า วิปัสสนากรรมฐานทำให้บรรลุนิพพานได้
จึงได้พยายามจับยัดวิธีการปฏิบัติธรรมดังกล่าว ใส่เข้าไปในสติปัฏฐาน 4
และโมเมขึ้นมาอีกว่า
สติปัฏฐาน 4 เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน
3) สติปัฏฐาน 4 ไม่เป็น วิปัสสนา/เห็นแจ้ง
เป็น อนุปัสสนา/ตามเห็น
วิปัสสนา
แปลว่า "เห็นแจ้ง" ส่วน อนุปัสสนา แปลว่า "ตามเห็น"
แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในแง่ของภาษาศาสตร์
หลักฐานอีกประการหนึ่ง
ซึ่งชัดแจ้งอีกเช่นเดียวกัน ก็คือ การจัดวิธีการนั่งสมาธิต่างๆ เข้าเป็นสมถะกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานนั้น
เป็นการจัดของพระพุทธโฆษาจารย์
เพื่อให้พระสูตรที่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมเป็นหมวดหมู่ขึ้น
ในพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสบอกว่า ธรรมะหมวดใดเป็นสมถะกรรมฐานหรือวิปัสสนากรรมฐาน
พระพุทธโฆษาจารย์มาจัดทำขึ้นภายหลัง ประมาณ พ.ศ.
1000
ในการจัดหมวดธรรมะที่เป็นวิปัสสนานั้น
พระพุทธโฆษาจารย์ไม่ได้จัดสติปัฏฐาน 4
ให้อยู่ในหมวดวิปัสสนากรรมฐาน
ในหัวข้อวิปัสสนากรรมฐาน
มีเพียง 6 หัวข้อคือ ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18
อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 และปฏิจสมุปบาท 12
ถ้าสติปัฏฐาน
4 เป็นวิปัสสนากรรมฐานจริง
พระพุทธโฆษาจารย์ท่านก็ต้องจัดให้อยู่ในหมวดวิปัสสนาไปแล้ว
พระพุทธโฆษาจารย์ท่านรู้ดีว่า
สติปัฏฐาน 4 เป็น อนุปัสสนา เป็นคนละเรื่อง คนละหัวข้อธรรมะกัน
โดยสรุป
ในบันทึกนี้
สายพองยุบ-นามรูป เข้าใจผิดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ใน 3 ประเด็นคือ
1) เข้าใจผิด คิดไปว่าวิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียวทำให้บรรลุมรรคนิพพานได้
2) เข้าใจผิด คิดไปว่า
สติปัฏฐาน 4 แต่เพียงอย่างเดียว ทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้
3) สติปัฏฐาน 4 ไม่เป็นวิปัสสนา/เห็นแจ้ง เป็นอนุปัสสนา/ตามเห็น
จะเห็นว่า
ความเข้าใจผิดของพระพม่าเพียง 3 ประการนี้ ก็น่าจะเป็นหลักฐานชั้นดีได้ว่า
การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพม่านั้น
ผู้ปฏิบัติจะไม่ได้มีโอกาสบรรลุธรรมชั้นสูงได้เลย
การนำเอาส่วนหนึ่งของสติปัฏฐาน 4 มาปฏิบัติ แล้วโฆษณาว่า ถ้าทำตามคำสอนของแล้ว
ผู้ปฏิบัติธรรมจะบรรลุมรรคผลนิพพานภายใน 7
ปี 7 เดือน 7 วัน จึงไม่มีใครทำได้เลย ทั้งๆ
ที่พระพม่าสอนมาแล้วเป็นร้อยๆ ปี
ข้อความที่ว่านั้น
รวมถึงพระพม่าที่เป็นครูบาอาจารย์ด้วย
ยังไม่มีพระพม่ารูปใดในประวัติศาสตร์ที่จะไปอุบัติในอายตนะนิพพาน ณ
ปัจจุบันนี้
ดร.ครับ ผมอยากจะทราบว่าแล้ววิปัสนาที่แท้จริงคืออะไรคับ ต้องปฏิบัติอย่างไร ครับ ...... ผมหาความรู้เพิ่มเติมคับ
ตอบลบวิชาธรรมกายนี่แหละ "วิปัสสนา" ของจริง ของแท้แน่นอน
ตอบลบหลักฐาน วิปัสสนาแปลว่า เห็นแจ้ง การปฏิบัติธรรมที่เป็นวิปัสสนากรรมฐานก็ต้องมีการเห็นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
สายปฏิบัติธรรมใด "ปฏิเสธการเห็น" แล้วจะเป็นวิปัสสนาได้อย่างไร
ไม่รู้จริงอย่าตอบมั่วเสีย ด.ร หมดเดี๋ยวเป็น dog นะ
ลบไปอ่านให้แจ่มแจ้งแล้วค่อยพูด
ที่พูดธรรมกายๆนะ คงไม่ใช่ศิษย์ของวักธรรมกายนะ
สายหลวงพ่อสดก็ดี สายหลวงปู่มั่นก็ดี สายพม่าก็ดี
แต่การปฏิบัติจะได้ผลดีนั้นอยู่ที่จริตของคนด้วย ศึกษาให้ดีๆนะ
ที่เขียนไปข้างบน มันผิดตรงไหนล่ะ คุณควายตู้
ลบคุณเสือซ่าน
ตอบลบคุณเรียนถูกวิชาแล้ว แต่เรียนผิดที่ ดังนั้น คุณจึงยังลังเลสงสัย
ให้คุณติดต่อคุณฤทธิ์ ที่เบอร์โทร 081-7621425 คุณฤทธิ์อยู่ที่จันทบุรี เขาจะสอนวิชาชั้นสูงให้คุณได้
เอาตำราจากไหนมาครับ หรือว่าพระท่านใดบอกสอน ช่วยลงชื่อตำรา หรือชื่อพระหน่อยครับ ผมจะได้เอาไปเทียบเคียงกับองค์ศาสดาของชาวพุทธ(นามว่า พระพุทธโคดม)ว่าเหมือนกับที่ท่านตรัสสอนหรือไม่ ถ้าเหมือนกับที่ท่านสอน ผมจะทรงจำธรรมนั้นไว้ ถ้าไม่เหมือนผมจะได้ละทิ้งเสีย(เป็นเรื่องนอกแนว พระองค์สั่งไว้ไม่ให้จำ)***คำแต่งใหม่หรือคำสาวกภาษิต คือต้นเหตุที่ทำให้ศาสนาค่อยๆหายไป เนื่องจากมันขัดแย้งกันเอง*** !!!แต่เมื่อใดก็ตามชาวพุทธทั้งหมดปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์โดยไม่มีการบิดเบือน!!!เมื่อนั้นชาวพุทธทั้งหมดจะเป็นหนึ่งเดียว!!!ไม่มีแยกสาย แยกนิกาย เฉกเช่นปัจจุบัน!!!
ตอบลบสมองหมา ปัญญาควายมาอีกตัวหนึ่งแล้ว
ตอบลบที่ผมเขียนไปมันผิดตรงไหน
ก็อธิบายไปแล้ว สงสัยคำศัพท์ก็ไปตรวจสอบกับพจนานุกรม
โง่แล้วขี้เกี่ยจ ก็อย่ามาพิมพ์ให้เป็นขยะในบล็อกนี้
แล้วอันไหนมันดีครับ พุท-โธ หรือ พ่อง-ยุบ
ลบคุณไปถามที่อื่นเถอะ
ลบผมเป็นวิทยาการสอนวิชาธรรมกาย คุณมาถามว่า ระหว่างสายพุทโธกับพองยุบอันไหนดีกว่ากัน
อย่างไรก็ดี ถามมาแล้วก็ควรตอบ ระหว่าง 2 สายที่คุณถาม ไปสายพุทโธเถอะ
สายสติปัฏฐาน งี่เง่าทั้งนั้น ดู ดร. สนอง วรอุไรเป็นตัวอย่าง
สติปัฏฐาน 4 เป็นหลักธรรมที่อยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร[1] เป็นข้อปฏิบัติเพื่อรู้แจ้ง คือเข้าใจตามเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ สติปัฏฐานมี 4 ระดับ คือ กาย เวทนา จิต และ ธรรม
ตอบลบคำว่าสติปัฏฐานนั้นมาจาก (สร ธาตุ + ติ ปัจจัย + ป อุปสัคค์ + ฐา ธาตุ) แปลว่า สติที่ตั้งมั่น, การหมั่นระลึก, การมีสัมมาสติระลึกรู้นั้นพ้นจากการคิดโดยตั้งใจ แต่เกิดจากจิตจำสภาวะได้ แล้วระลึกรู้โดยอัตโนมัติ โดยคำว่า สติ หมายถึงความระลึกรู้ เป็นเจตสิกประเภทหนึ่ง ส่วนปัฏฐาน แปลได้หลายอย่าง แต่ใน มหาสติปัฏฐานสูตร และ สติปัฏฐานสูตร หมายถึง ความตั้งมั่น, ความแน่วแน่, ความมุ่งมั่น
โดยรวมคือเข้าไปรู้เห็นในสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ตามมุ่งมองของไตรลักษณ์หรือสามัญลักษณะ โดยไม่มีความยึดติดด้วยอำนาจกิเลสทั้งปวง ได้แก่
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้กายเป็นฐาน ซึ่งกายในที่นี่หมายถึงประชุม หรือรวม นั่นคือธาตุ 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟมาประชุมรวมกันเป็นร่างกาย ไม่มองกายด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขา แต่มองแยกเป็น รูปธรรมหนึ่งๆ เห็นความเกิดดับ กายล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้เวทนาเป็นฐาน ไม่มองเวทนาด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขาคือไม่มองว่าเรากำลังทุกข์ หรือเรากำลังสุข หรือเราเฉยๆ แต่มองแยกเป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง เห็นความเกิดดับ เวทนาล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้จิตเป็นฐาน เป็นการนำจิตมาระลึกรู้เจตสิกหรือรู้จิตก็ได้ ไม่มองจิตด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขา คือไม่มองว่าเรากำลังคิด เรากำลังโกรธ หรือเรากำลังเหม่อลอย แต่มองแยกเป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง เห็นความเกิดดับ จิตล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้สภาวะธรรมเป็นฐาน ทั้งรูปธรรมและนามธรรมล้วนมีความเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
ตอนแรกคิดจะเรียนวิชชาธรรมกายเพราะดูวิธีปฏิบัติแล้วน่าจะได้ผล แต่มาลังเลตอนที่มาอ่านบทความคุณ ดร.นิสิ เลยไม่กล้ากลัวจะเหมือนคนบ้าเที่ยวกัดเขาไปทั่ว นี่ถามจริงคุณดร.เรียนแล้วอารมณ์ร้อนพูดจาแรงๆไม่ฟังความคิดเห็นของใครเลยเอาดีเข้่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น พูดแต่คำว่า "ควาย"กับ"โง่"
ตอบลบได้มาแค่นี้จริงๆหรือครับ? ผมขอบาย ไม่อยากแย่งควายกับโง่มาจากท่านดร.อะครับ!
ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ มีหลายกลุ่มนะ กลุ่มหนึ่งก็มีหลายคน ผมด่าคนอื่นคนเดียว คนอื่นเขาไม่ได้ด่าด้วยนะ
ลบเขียนอย่างนี้ จะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้
ถ้าวิชา ธรรมกาย ทำให้เป็นอรหันต์ได้ ท่านอาจารย์ควรทำตนเองให้สำเร็จก่อน ดูเหมือนธรรมกายที่ท่านฝึกมา ไม่ได้ช่วยให้ ความโกรธ มานะ ทิฐิ คุณน้อยลง เลยนะครับ
ตอบลบเนื้อหามันเถียงไม่ออกหรือไงท่าน....
ลบสมองหมาปัญญาควายอย่างนี้ มันถึงไปไม่ถึงไหน