บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิชาธรรมกายอธิบายได้ดีกว่า

คุณผ่านมา แกยังไม่ยอมผ่านไป ยังตื้ออยู่อีก 2-3 ความเห็น  ความเห็นครั้งที่ 3 เป็นดังนี้ (09 ธันวาคม 2553 23:14)

ก็เรียนท่านอาจารย์แล้วว่า ไม่ได้เชื่อเพราะเป็นพระพุทธโฆษาจารย์ สรุปไว้ และไม่ได้เชื่อหรือเคยอ่านคำสอนของพระพม่า แต่ผมเรียนสายวิทยาศาสตร์มา ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ไม่เชื่อ

เริ่มต้นจากอาศัยตรรก เห็นว่าพระสายหลวงปู่มั่นทุกองค์ที่มีกระดูกเปลี่ยนเป็นพระธาตุได้ ต้องมีคุณธรรมที่ไม่ได้เป็นระดับธรรมดา เหมือนคนทั่วไป

สมัยนี้ถ้าคุณอยากได้เพชรที่สังเคราะห์จากกระดูกบรรพบุรุษทำได้แล้วแต่ราคาแพงกว่าเพชรตามธรรมชาติ  สมาคมเพชรให้การรับรองโดยนำอัฐิไปเผาด้วยความร้อนสูง มากกว่า 1000องสาเซลเซียส ธาตุคาร์บอนในกระดูกจะรวมกันเป็นก้อนเหมือนพระธาตุที่เห็น

แล้วจึงนำไปเจียรนัยให้มีเหลี่ยมต่อไป แต่เวลาเผาศพคนทั่วไปไม่ได้ใช้ความร้อนสูงถีง 1000องสาเซลเซียส กระดูกคนธรรมดาจึงไม่อาจกลายเป็นผลึกคาร์บอนหรือก้อนเพชรดิบได้

ต่างจากอัฐิธาตุของท่านอาจารย์ที่ต้องมีพลังงานจากจิตในระดับสูงมากผ่านร่างกายหลายครั้งหรือตลอดเวลา จึงจะทำให้เกิดปรากฎการณ์กระดูกเปลี่ยนเป็นพระธาตุได้

สัณฐานเหมือนดังพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่สร้างศรัทธาให้ผมต้องตามไปศึกษา ธรรมะที่ออกมาจากครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น แล้วก็ลองปฏิบัติตามก็เท่านั้น

หลวงปู่ทุกองค์สอนมาอย่างนี้ ถ้าที่อาจารย์มนัสเข้าใจเป็นธรรมะที่ถูกต้องผมก็ยินดีกับท่านอาจารย์ที่ได้พบกับทางอันประเสริฐแล้ว แต่ที่ผมเข้าใจมันเป็นวิธีปฏิบัติที่รอการพิสูจน์ด้วยจิตของผมเอง ไม่ได้บังคับให้ใครต้องเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ให้ปฏิบัติเอง เห็นเอง

ถ้าบุญวาสนาผมพร้อมเมื่อไหร่ก็คงมีโอกาสได้สัมผัสกับคุณธรรมอันประเสริฐเหมือนกับครูบาอาจารย์ทุกองค์เข้าถึงแล้วเท่านั้นเอง

ผมได้ตอบความเห็นของคุณผ่านมา ดังนี้ (10 ธันวาคม 2553 03:45)

เรียน คุณผ่านมา [IP: 124.121.42.157]

เท่าที่ตอบเสวนากับคุณมา 3 ครั้งนี่ ผมบอกคุณตรงๆ ไม่ว่าคุณจะเรียนมาสาขาไหนก็ตาม คุณจะประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลกอย่างไรก็ตาม ในเรื่องศาสนาพุทธ คุณยังอยู่ในระดับโง่เช่นเดิม

หลักฐาน
1) บันทึกนี้ ผมวิพากษ์วิจารณ์สายพองยุบ-นามรูป ซึ่งเป็นพวกที่งมงายเชื่อพระพม่า คุณอยู่สายพุทโธ เข้ามาให้ความเห็นโต้แย้งได้อย่างไร

2) ผมเองไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์สายพุทโธเลย ผมว่าเป็นการเห็นต่างกัน คือ สายพุทโธจะทำอย่างไรก็ทำไป เพราะ ทางสายพุทโธยังปฏิบัติถูกต้องตามพระไตรปิฎก

มีพระ 2 กลุ่มเท่านั้นมีผมวิพากษ์วิจารณ์ในทางวิชาการ [ผมไม่เคยโจมตีพระในเรื่องวัตรปฏิบัติ] คือ พระธัมมชโยและสาวกแห่งวัดพระธรรมกาย และพระพม่ากับสาวกสายพองยุบ-นามรูป

เพราะ ในทางวิชาการนั้น มันต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อหาความถูกต้องกันได้

3) สายพระป่ารุ่นหนึ่ง คือ หลวงปู่มั่น รุ่นที่ 2 หลวงปู่ฝั้น เป็นต้น ท่านปฏิบัติตามสายพุทโธล้วน คำสอนที่คุณไปยกมานั้น เป็นคำสอนของสายพระป่ารุ่นแหกคอกคือ หันไปเชื่อพระพม่าแล้ว สงสัยตีความคำสอนรุ่นเดิมให้ผิดเพี้ยนไปด้วย

อธิบายเพิ่มเติมหน่อยหนึ่ง
สายพระป่ารุ่นแรกๆ ท่านไม่ได้สนใจสติปัฏฐาน 4 อย่างเกินควร สายพระป่ารุ่นหลังๆ นี้ ไม่รู้ปฏิบัติอย่างไร ชักจะไม่เชื่อคำสอนของครูบาอาจารย์รุ่นเดิม หันไปเชื่อตามพระพม่า

ผมอ่านประวัติและการปฏิบัติธรรมของสายพระป่ามาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ที่วัดภูทอกผมก็เคยไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว อัฐิธาตุของหลวงพ่อจวน ผมก็เคยถือไปให้คนอื่นเขาดูมาแล้ว

รุ่นหลังๆ นี่แหละ ทำให้สายพระป่าเสียหาย หันไปชูสติปัฏฐาน 4 จนเกินควรตามพระพม่า

สติปัฏฐาน 4 เป็นหัวข้อธรรมะที่สำคัญมาก เพราะ เป็นพื้นฐาน แต่สติปัฏฐาน 4 ไม่สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้ ต้องวิชชา 3 ถึงจะทำได้

บอกคุณเอาบุญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุนั้น ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า พระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์

หลักฐาน
1) ไม่มีหลักฐานในพระไตรปิฎก

2) ในการปฏิบัติธรรมของสายวิชชาธรรมกายนั้น เราต้องเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นประจำด้วยกายธรรมพระอรหัตของเรา เพราะ วิชชาธรรมกายกำหนดหลักสูตรไว้เช่นนั้น การที่เราเอากายธรรมของเราเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ เราก็ต้องขึ้นไปที่นิพพาน

ในนิพพานยังไม่มีพระอรหันต์เพิ่มเติมหลังจากประมาณ พ.ศ. 500 ลงมา ยังไม่พระในประเทศไทยรูปไหนบรรลุพระอรหันต์แล้ว

ที่ว่าองค์นั้นเป็นพระอรหันต์แล้ว องค์นี้เป็นพระอรหันต์แล้ว ลูกศิษย์โฆษณากันไปทั้งนั้น หนังสือ/วาสารทางพระยิ่งตัวดี

อย่างไรก็ดี การที่อัฐิของใครกลายเป็นพระธาตุ แสดงว่า พระรูปนั้นใกล้บรรลุมรรคผลนิพพานแล้ว เกิดอีกไม่กี่ชาติก็สามารถบรรลุมรรคผลได้ แต่ไม่ใช่ชาตินี้

ยกตัวอย่างผมเองก็แล้วกัน

เห็นผมมีกิเลสหนาปึ้ก วิพากษ์วิจารณ์ด่าคนโน้นคนนี้ ตอนนี้ถ้าผมตายไป ถ้าเผา กระดูกผมก็กลายเป็นพระธาตุเหมือนกัน เพราะ ผมปฏิบัติธรรมและสร้างบารมีมามากพอสมควรแล้ว

ในทางวิชาธรรมกาย เราสามารถตรวจดูดวงบารมีกันได้ง่ายๆ บารมีทั้ง 30 ทัศ มีลักษณะเป็นดวงใสทั้งสิ้น ขนาดและความสว่างต่างกันไป

เรื่องนี้ เล่าสู่กันฟังเท่านั้น ไม่ต้องรีบพิสูจน์ โดยการมาฆ่าผม แล้วเผา รอให้ผมตายตามธรรมชาติ แล้วให้ลูกหลานเผาก็แล้วกัน.........

มีเรื่องต้องชมคุณอย่างหนึ่งคือ คุณควบคุมอารมณ์ได้ดี ผมพยายามใช้แผนยุแหย่กิเลสคุณ คุณก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ถ้าเป็นสาวกของสายพองยุบ ป่านนี้ ละเมอเพ้อพก กิเลสฟุ้งไปแล้ว ด่ากลับด้วย...

คุณผ่านมา แกยังไม่ยอมผ่านไป ยังกลับมาให้ความเห็นอีก ดังนี้ (10 ธันวาคม 2553 17:50)

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เขียนคำชมครับ แต่ไม่ว่า อาจารย์จะชมหรือด่าด้วย ตัวอักษรหรือภาษาใดๆ ก็ไม่ทำให้อารมณ์ผมเปลี่ยนไปได้ง่ายๆครับ

เพราะเรียนท่านอาจารย์แล้วว่าผมก็พยายามฝึก สติปัฏฐาน 4 แม้จะยังปฏิบัติไม่ได้ตลอดเวลาตามคำสอนของพระที่ผมศรัทธาแม้จะเป็นการถ่ายทอดต่อ ๆ กันมาแต่ก็มาจากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเหมือนกัน

แก่นพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ย่อมเป็นพระธรรมอยู่ดี มีแต่จำนวนพระสงฆ์สาวกที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาแต่สุดท้ายพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่พ้น 5000ปี ที่จะสูญสลายตามพุทธทำนาย

ถ้าจิตยังไม่พ้นทุกข์ก็ต้องไปรอพระพุทธเจ้าพระนาม "พระศรีอารยเมตไตรย" องค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้

แล้วจักรวาลที่เราอยู่นี้ก็อาจเกิด Big Bangเหมือนที่นักดาราศาสตร์ในปัจจุบันพึ่งจะค้นพบว่าเกิดขึ้นกับจักรวาลอื่น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เมื่อดาวดวงใดดวงหนึ่งหรือดวงอาทิตย์หมดอายุ หรือมีอุกาบาตวิ่งมาชนดาวในจักรวาลก็จะทำให้เกิดบิกแบง เป็นอันสิ้นกัป ปัจจุบันนี้ หนีไม่พ้นกฎพระไตรลักษณ์สักอย่างเดียว

ผมระลีกถึงความตายกลัวความตายมาตั้งแต่เรียนชั้นปอห้า จนคุณครูที่ให้เขียนเรียงความเรื่อง"ความกลัวของข้าพเจ้า" ยังต้องเรียกไปเตือนเพื่อให้เลิกคิดถึงความตาย เราอายุยังน้อยจะทำให้หมดกำลังใจ

แต่เมื่อมาเจอคำสอนของหลวงปู่สิมที่สอนให้ระลึกมรณสติไว้บ่อยๆ มันเป็นการเตือนสติ ท่านว่าคนเราถ้าไม่นึกถึงว่าเราจะต้องตาย โลภะ โทสะ โมหะ ก็โจมตีได้ง่าย

การละกิเลสก็เริ่มจากหยาบไปหาละเอียดเพราะมันง่ายกว่าหรือไม่ครับ ถ้าผมไม่เคยพิจารณาเห็นความโกรธของตัวเองมาก่อนตามจิตตานุปัสสนา

แล้วมาเปิดเวปนี้ใช้สายตามาอ่านเห็นภาพตัวอักษรที่อาจารย์เรียกว่า ด่าหรือชม จิตผมก็คงไหลไปตามนั้นเพราะไปยึดว่า"คุณผ่านมา [IP: 124.121.42.157] "คือเรา แล้วเมื่อไหร่อวิชชาหรือกิเลสชนิดละเอียดกว่านี้ที่ครอบงำจิตอยู่ไว้จะมีวันละได้หมดครับ

 จิตก็ต้องกระเพื่อมไปกระเพื่อมมาไม่หยุดนิ่ง วิชาชาสามที่อาจารย์กล่าวถึงก็คงอีกห่างไกล และไม่มีบุญวาสนาที่จะมีญาณครบทั้งสามข้อ เวลานี้ผมทำได้แค่พยายามละสังโยชน์ 10 ไปเรื่อยๆ เริ่มจาก สักกายทิฏฐิ ,วิจิกิจฉา ,สีลัพพตปรามาส

อย่างน้อย ๆ เมื่ออารมณ์กิเลสสามข้อนี้หมดไปจากจิต เป็นอันเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ในไม่ช้าอวิชชาและสังโยชน์ที่เหลือก็เป็นอันขาดกันจากจิตแน่นอนในชาติใดชาติหนึ่งข้างหน้า

ผมไม่ได้อยู่สายไหน ครับ คำภาวนา พุธโธ,สัมมาอรหัง,ยุบหนอพองหนอ เป็นเพียงเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติ ในตอนเริ่มต้นภาวนา ผมพยายามปฏิบัติตามคำสอนที่มีเหตุผลแล้วสังเกตจิตตัวเองเป็นสำคัญ และไม่มีความรู้ทางวิชาการใด ๆที่จะไปวิจารณ์ใคร ลำพังตนเองยังเอาไม่รอด

ขออภัยที่ไม่ทราบเจตนาบล็อกนี้เพราะเข้ามาตาม คำว่า สติปัฏฐาน 4 จาก google เท่านั้น ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปครับ

สุดท้ายเลย ผมตอบความเห็นของคุณผ่านมา ไว้ดังนี้ (11 ธันวาคม 2553 05:30)

เรียนคุณผ่านมา จนไม่แสดงตน

ในฐานะที่ปฏิบัติธรรมมานาน และเข้าถึงธรรมะพอสมควร จนกระทั่งพระพุทธองค์ทรงเอ่ยถึงบ่อยๆ [ในทางวิชชาธรรมกาย สามารถรู้ได้]

ในทางวิชาธรรมกาย วิชชาพื้นฐานระดับอนุบาลคือ วิชชา 18 กาย ต้องขึ้นนิพพานก่อน แล้วจึงจะเรียนวิชชาอื่นๆ ต่อไป

วิชชาจำนวนมากเลย ต้องทำบนนิพพาน คือ เอากายธรรมพระอรหัตของเราทำ ไม่ใช่เอากายเนื้อที่นั่งอยู่ที่บ้าน ขึ้นไปบนนิพพาน และก็ไม่ได้หมายความว่า เราบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่กิเลสหมดชั่วคราว [มีหลักฐานในพระไตรปิฎก]

การที่ต้องขึ้นนิพพานเป็นประจำ เราก็ต้องถามพระพุทธองค์อยู่เป็นประจำเช่นเดียวกัน

ในการทำงานให้พระศาสนานั้น ต้องทำงานไปก่อน เช่นไปสอนปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง พระพุทธองค์จึงจะทรงคำนวณบารมีให้ เมื่อบารมีครบ 30 ทัศเมื่อไหร่ เราก็จะได้ตามที่เราอธิษฐานบารมีไว้

ผมเองนี่ พระพุทธองค์เคยทรงให้บารมีก่อนล่วงหน้าก็ยังมี

ในการปฏิบัติธรรมนั้น ต้องเริ่มต้นด้วยสายใดสายหนึ่ง และต้องเรียนกับครูบาอาจารย์จึงจะได้ผล เราจะเรียนแบบวิชาการทางโลกไม่ได้ คือ อ่านไปหลายๆ สาย แล้วมาปรับปรุงปฏิบัติด้วยตนเอง

นี่เป็นศาสนาพุทธ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรือปรัชญา

การที่เราจะเลือกปฏิบัติธรรมสายใดนั้น มันก็มีปัญหาว่า บางสายสอนไม่ถูกต้อง มั่ว เช่น สายพองยุบนามรูป หรือวัดพระธรรมกาย เป็นต้น

วัดพระธรรมกาย ไม่ได้สอนวิชชาธรรมกายอย่างที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอน เอาชื่อหลวงพ่อไปโกหก หลอกลวงให้คนทำบุญอย่างเดียว

ขนาดมีองค์กรทางการเงินของวัด ให้คนกู้ทำบุญก็ยังมี หลอกให้ประชาชนขายบ้าน ขายทรัพย์สินเอามาทำบุญ จนครอบครัวแตกแยกก็มี

ถ้าใครไปเริ่มต้นในสายปฏิบัติธรรม ที่สอนไม่ถูกต้องตามพระไตรปิฎก หนทางที่จะบรรลุมรรคผลมันจะยืดไปเป็นอีกยาวนาน จนจินตนาการไม่ได้เลยทีเดียว

ผมถึงมาเขียนบล็อกเพื่อบอกให้รู้นี่ไง.......... ที่ผมทำไปทั้งหมดนี้ เพราะ อยากได้บารมีจากพระพุทธองค์เท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น

คุณผ่านมา ซึ่งกำลังจะผ่านไป อ่านให้เยอะ แล้วพยายามใช้ปัญญาเท่าที่มีอยู่พิจารณาให้ดี สติปัฏฐาน 4 เป็นหัวข้อธรรมะพื้นฐานที่ดี และสำคัญมาก แต่ก็ยังเป็นหัวข้อธรรมะพื้นฐานเท่านั้น

สติปัฏฐาน 4 อยู่ในโพธิปักขยธรรม ซึ่งมี 7 หมวด ยังถูกจัดไว้หมวดแรกเลย ถ้ายังมั่วย่ำศึกษาอยู่แต่สติปัฏฐาน 4 มันก็เสียดายชาติเกิดเหมือนกัน

ประการสำคัญก็คือ ยังไม่มีสายปฏิบัติธรรม นอกจากสายวิชชาธรรมกาย ที่สามารถปฏิบัติตามสติปัฏฐาน 4 ได้อย่างถูกต้อง

หลักฐาน
ในทางวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีใดจะได้รับความนิยมขึ้นมา มันขึ้นอยู่กับ "คำอธิบาย" ว่าสามารถอธิบายเหตุการณ์ในทางธรรมชาติได้ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่

ทฤษฎีของนิวตัน อธิบายของแรงโน้มถ่วงในโลกได้ดี แต่ในระดับจักรวาลทฤษฎีของไอน์สไตน์ อธิบายได้ดีกว่า ทฤษฎีของนิวตันก็ตกไป ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในการพิจารณาเรื่องนี้

สติปัฏฐาน 4 นั้น มีหัวข้อธรรมะ 4 หมวด คือ
  • กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน มาจาก กาย + อนุ + ปัสสนา + สติ + ปัฏฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งสติอันตามเห็นซึ่งกาย
  • เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน มาจาก เวทนา + อนุ + ปัสสนา + สติ + ปัฏฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งสติอันตามเห็นซึ่งเวทนา
  • จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน มาจาก จิต + อนุ + ปัสสนา + สติ + ปัฏฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งสติอันตามเห็นซึ่งจิต
  • ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน มาจาก ธรรม + อนุ + ปัสสนา + สติ + ปัฏฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งสติอันตามเห็นซึ่งธรรม
ข้อความที่สำคัญมากก็คือ ข้อความนี้
  • ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง
  • พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง
  • พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
  • พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง
  • พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง
  • พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง
[พิจารณาเห็น/ตามเห็นอนุปัสสนา คือ การต้องเห็นอยู่เป็นประจำ แต่ยังไม่ใช่การเห็นแจ้ง/วิปัสสนา]

สายปฏิบัติธรรมอื่นๆ ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแม้แต่สายเดียว

การที่จะเห็นกายในกายภายในคือ เห็นกายในกายของตัวเรา พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง คือ เห็นกายของคนอื่น

พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้างคือ เห็นกายในกายของตัวเรา และเห็นกายในกายของคนอื่น

ในวิชาธรรมกายมีคำอธิบายไว้อย่างสมเหตุสมผล มีคนปฏิบัติได้เป็นเรือนหมื่น เรือนแสน

ในพระไตรปิฎกมีคำว่า "มีดวงตาเห็นธรรม" ก็ยังไม่สายปฏิบัติธรรมใด อธิบายได้อย่างถูกต้องเช่นเดียวกัน

ในทางวิชชาธรรมกาย ดวงธรรมดวงแรกที่เราเห็นก็คือ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

สายวิชาธรรมกายนี่แหละ เป็นสติปัฏฐาน 4 ของจริง ของแท้ อธิบายได้ ปฏิบัติได้ แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็รู้ได้ว่า เป็นแค่ธรรมะพื้นฐาน จึงไม่ได้เอามาโฆษณาชวนเชื่ออย่างพระพม่า...

บทความในชุดเดียวกัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น