พระพุทธเจ้าตรัสรู้สติปัฏฐาน 4 หรือ!

บทความสั้นๆ ชิ้นนี้ ต้องการที่จะกระตุกเตือนสาวกของสายพอง-ยุบ และสายนาม-รูป ให้พิจารณาให้หนักแน่นว่า คำสอนของพระพม่าเป็นคำสอนที่ตรงกับพระไตรปิฎกหรือไม่

 มีหลักฐานอ้างอิงอย่างเป็นวิชาการหรือไม่  หรือเป็นความเชื่อความคิดของพระพม่าเอง

สาวกคนไทย ถ้าหากมีมันสมองในส่วนที่วิเคราะห์สังเคราะห์ ก็ควรนำเอาออกมาใช้งานกันบ้าง อาจจะทำให้หูตาสว่างไสวขึ้นบ้างก็ได้

คำสอนของพระพม่าที่ผมอ่านพบแล้ว รู้สึกอเนจอนาถใจก็คือ การพิจารณาแต่เพียงหัวข้อธรรมะใด หัวข้อธรรมหนึ่ง ในสติปัฏฐาน 4 ก็สามารถจะบรรลุพระอรหันต์ได้ภายใน 7 ปี 7เดือน 7วัน

ก็ยังมีคนที่ขาดมันสมองส่วนคิด เชื่อตามได้ตั้งมากมาย

ไม่รู้เลยหรือว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริสัจ 4 ไม่ใช่สติปัฏฐาน 4

วันนี้ขอยกตัวอย่างจากหนังสือ The Word of the Buddha: An Outline of the Teaching of the Buddha in the Words of the Pali Canon. ผู้แต่งคือ พระชาวเยอรมันชื่อ พระมหาญาณติโลกะ (Nyanatiloka Mahathera)

คุณประเสริฐ  เรืองสกุล แปลเป็นภาษาไทย ตั้งชื่อหนังสือว่า ความจริงอันประเสริฐตามพุทธวจนะ 

หนังสือเล่มนี้กล่าวว่า

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

As long as the absolutely true knowledge and insight as regards these Four Noble Truths was not quite clear in me, so long was I not sure that I had won that supreme Enlightenment which is unsurpassed in all the world with its heavenly beings, evil spirits and gods, amongst all the hosts of ascetics and priests, heavenly beings and men. But as soon as the absolutely true knowledge and insight as regards these Four Noble Truths had become perfectly clear in me, there arose in me the assurance that I had won that supreme Enlightenment unsurpassed.

And I discovered that profound truth, so difficult to perceive, difficult to understand, tranquillizing and sublime, which is not to be gained by mere reasoning, and is visible only to the wise.

ดูก่อนภิกขุ ตราบใดที่เราไม่รู้จริงเห็นแจ้งในอริยสัจสี่ เราย่อมไม่แน่ใจว่า เราได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งในโลกนี้ไม่มีผู้ใดเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นมาร พรหม สมณพราหมณ์ เทพ หรือ มนุษย์ แต่พอเรารู้จริงเห็นแจ้งในอริยสัจสี่ เราย่อมตระหนักแน่ชัดว่า เราได้บรรลุแล้วซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ โดยไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนและเราก็ได้รู้ด้วยว่า ความจริงอันลึกซึ้งนี้ ยากที่จะมองเห็น และเข้าใจ เป็นสิ่งที่ละเอียดและสุขุมยิ่ง ไม่อาจบรรลุได้เพียงด้วยการสาวไปด้วยเหตุผล และผู้ที่ฉลาดเท่านั้น จึงจะมองเห็นได้

จะเห็นได้ว่า พระองค์ทรงยืนยันแน่นอนว่า พระองค์ตรัสรู้อริสัจ 4 ตรัสรู้นี้แปลว่า รู้แจ้ง ไม่ใช่แปลว่า พูดว่ารู้

คุณสุชีพ ปุญญานุภาพ (2541 :73) ได้ให้ความหมายของคำว่า ตรัสรู้ ไว้ดังนี้

“ตรัสรู้ ก. กริยาที่รู้อย่างแจ่มแจ้ง v. to enlighten: to attain Enlightenment”

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ให้ความหมายของคำว่า ตรัสรู้ ไว้ดังนี้

ตรัสรู้ คือ รู้แจ้ง หมายถึง รู้อริยสัจจ์ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค [1]

จากการให้ความหมายของนักวิชาการทั้ง 2 ท่านดังกล่าว คำว่า “ตรัสรู้” จึงเป็น “รู้” อย่างชัดแจ้ง คือ “รู้” จากการเห็นที่ชัดแจ้งที่สุด และเน้นว่าเป็นการ “รู้” อริสัจ 4

อริยสัจ 4 ข้อสุดท้ายก็คือ มรรค ซึ่งหมายถึง ทางเดิน ซึ่งมี  8 ประการ พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ก็เรียกกันว่า มรรค 8

จากที่อธิบายมาข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่า ถ้าเราจะบรรลุพระอรหันต์ได้ก็ควรที่จะปฏิบัติตามมรรค 8 ซึ่งเป็นหนทางแห่งการดับทุกข์  ก็จะเป็นการรู้แจ้งในอริยสัจ 4 จึงจะทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้

การที่พระพม่ามาสอนว่า การพิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อยด้วยไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของหัวข้อกายานุปัสสนาสติปัฏฐานก็สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้แล้ว

พระพม่าจะต้องมีคำอธิบายอย่างมากเลยว่า ทำไมถึงไม่ปฏิบัติตามมรรค 8 ทำไมถึงไม่พิจารณาอริยสัจ 4

แต่ไม่เคยมีคำอธิบายดังกล่าวเหล่านั้น มาจากพระพม่า

ผมจึงงงๆ อยู่ตลอดมาว่า คนไทยไปเชื่อคำสอนอย่างนี้ของพระพม่าได้อย่างไร หรือโรงเรียน มหาวิทยาลัยไม่เคยสอนให้คิดเลย

หรือว่า มันสมองส่วนที่คิดได้ของท่านนั้น ไม่เคยได้ใช้งานมาก่อนเลยในชีวิตนี้

Amazing Thailand!!  ของจริง ของแท้ จริงๆ

..................................................................

อ้างอิง

[1] นำมาจากพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ของมหาวิทยาลัยสยาม

บรรณานุกรม

สุชีพ ปุญญานุภาพ. (2541).  พจนานุกรมศัพท์พระพุทธศาสนา ไทย-อังกฤษ อังกฤษ - ไทย. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.