บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

สติปัฏฐาน 4 เป็นอนุปัสนา



ในเบื้องต้นนี้ จะขออธิบายสรุป ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนสายยุบหนอพองหนอ กับ สายนามรูปโดยภาพรวมอย่างคร่าวๆ เสียก่อน

แล้วผมจะค่อยๆ อธิบายลงรายละเอียดในระดับลึกต่อไป

คำว่า “สายยุบหนอพองหนอ” ในที่นี้ก็คือ สายยุบหนอพองหนอที่เผยแพร่โดยพระมหาโชดก แห่งวัดมหาธาตุ

ส่วนคำว่า “สายนามรูป” หมายถึง สายที่เผยแพร่โดยมหาอุบาสิกาแนบ มหานีรนานนท์

การปฏิบัติธรรมทั้ง 2 สายดังกล่าว เป็นมรดกตกทอดมาจากพระพม่าด้วยกัน

ในกรณีนี้ ผมหมายความรวมถึง สาวกของพระมหาที่วัดท่ามะโอ กับ วัดภัททันตะฯ ที่บ้านบึง ชลบุรี  และสาวกของพระพม่าสำนักอื่นๆ ด้วย

แต่ถ้าเอามาเขียนทั้งหมด เนื้อหามันจะไม่กระชับ ก็เลยยกอย่างสำนักดังๆ เพียง 2 สำนักก็พอ

รับรองว่า หลักฐานสนับสนุนของผมเป็นไปตามหลักวิชาการทุกประการ และสามารถพิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ได้ทุกเมื่อ

ความเข้าใจผิดและความคลาดเคลื่อนของสายสายพองยุบ-นามรูปมีลักษณะ ดังนี้

1) เข้าใจผิดคิดไปว่า วิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียวทำให้บรรลุมรรคนิพพานได้

ความใจผิดอันนี้ เป็นความเข้าใจผิดอันอย่างใหญ่หลวงของพระภิกษุชาวพม่า  เนื่องจากคิดไปเองว่า วิปัสสนากรรมฐาน ทำให้เกิดวิปัสสนาญาณได้  และวิปัสสนาญาณแต่เพียงอย่างเดียวทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้

ในความเป็นจริงที่ปรากฏในพระสูตร สิ่งที่จะทำให้บรรลุพระอรหันต์คือ วิชชา  3 และ อริยสัจ  4 ไม่มีพระสูตรและพระวินัยใดๆ ที่กล่าวว่า วิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียว สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้

นอกจากนั้นแล้ว วิปัสสนากรรมฐาน แต่เพียงอย่างเดียว ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิด วิปัสสนาญาณ ได้

ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้ว จะต้องปฏิบัติให้ผ่านโพชฌงค์เสียก่อน เพราะ โพชฌงค์เป็นพื้นฐานแก่ วิชชา 3 และ วิมุตติ

ในการตรวจสอบว่า ตัวเองจะได้ญาณในระดับใดนั้น ต้องตรวจสอบกับวิสุทธิ 7

ดังนั้น การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้  นี่คือ ความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ของพระภิกษุชาวพม่าที่ได้นำมาเผยแพร่ในเมืองไทย

2)  เข้าใจผิดคิดไปว่า สติปัฏฐาน 4 แต่เพียงอย่างเดียว ทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้

จากความเข้าใจผิดประการแรกที่กล่าวไป เมื่อหัวข้อที่ผ่านมา คือ เข้าใจผิดว่าวิปัสสนากรรมฐานทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ 

เมื่อพระภิกษุชาวพม่ากลุ่มนี้ คิดค้นวิธีปฏิบัติธรรมแบบใหม่ขึ้น ก็คือการปฏิบัติธรรมแบบพอง-ยุบ กับ นาม-รูป  ซึ่งความจริงแล้ว น่าจะเข้าอยู่ในหมวดของ "กายคตานุสสติ" ซึ่งอยู่ใน อนุสติ 10 มากกว่า 

แต่เมื่อมีความเข้าใจผิด คิดไปเองว่า วิปัสสนากรรมฐานทำให้บรรลุนิพพานได้ จึงได้พยายามจับยัดวิธีการปฏิบัติธรรมดังกล่าว ใส่เข้าไปในสติปัฏฐาน 4 

และโมเมขึ้นมาอีกว่า สติปัฏฐาน 4 เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน

3) สติปัฏฐาน 4 ไม่เป็น วิปัสสนา/เห็นแจ้ง เป็น อนุปัสสนา/ตามเห็น

วิปัสสนา แปลว่า "เห็นแจ้ง"  ส่วน อนุปัสสนา แปลว่า "ตามเห็น" แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในแง่ของภาษาศาสตร์

หลักฐานอีกประการหนึ่ง ซึ่งชัดแจ้งอีกเช่นเดียวกัน ก็คือ การจัดวิธีการนั่งสมาธิต่างๆ เข้าเป็นสมถะกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานนั้น เป็นการจัดของพระพุทธโฆษาจารย์  เพื่อให้พระสูตรที่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมเป็นหมวดหมู่ขึ้น

ในพระไตรปิฎกนั้น  พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสบอกว่า ธรรมะหมวดใดเป็นสมถะกรรมฐานหรือวิปัสสนากรรมฐาน พระพุทธโฆษาจารย์มาจัดทำขึ้นภายหลัง ประมาณ พ.ศ.  1000

ในการจัดหมวดธรรมะที่เป็นวิปัสสนานั้น

พระพุทธโฆษาจารย์ไม่ได้จัดสติปัฏฐาน 4 ให้อยู่ในหมวดวิปัสสนากรรมฐาน

ในหัวข้อวิปัสสนากรรมฐาน มีเพียง 6 หัวข้อคือ ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 และปฏิจสมุปบาท 12

ถ้าสติปัฏฐาน 4 เป็นวิปัสสนากรรมฐานจริง  พระพุทธโฆษาจารย์ท่านก็ต้องจัดให้อยู่ในหมวดวิปัสสนาไปแล้ว

พระพุทธโฆษาจารย์ท่านรู้ดีว่า สติปัฏฐาน 4 เป็น อนุปัสสนา  เป็นคนละเรื่อง คนละหัวข้อธรรมะกัน

โดยสรุป

ในบันทึกนี้ สายพองยุบ-นามรูป เข้าใจผิดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ใน 3 ประเด็นคือ

1)  เข้าใจผิด คิดไปว่าวิปัสสนากรรมฐานแต่เพียงอย่างเดียวทำให้บรรลุมรรคนิพพานได้
2)  เข้าใจผิด คิดไปว่า สติปัฏฐาน 4 แต่เพียงอย่างเดียว ทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้
3)  สติปัฏฐาน  4 ไม่เป็นวิปัสสนา/เห็นแจ้ง เป็นอนุปัสสนา/ตามเห็น

จะเห็นว่า ความเข้าใจผิดของพระพม่าเพียง 3 ประการนี้ ก็น่าจะเป็นหลักฐานชั้นดีได้ว่า การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพม่านั้น  ผู้ปฏิบัติจะไม่ได้มีโอกาสบรรลุธรรมชั้นสูงได้เลย 

การนำเอาส่วนหนึ่งของสติปัฏฐาน  4  มาปฏิบัติ  แล้วโฆษณาว่า ถ้าทำตามคำสอนของแล้ว ผู้ปฏิบัติธรรมจะบรรลุมรรคผลนิพพานภายใน  7  ปี  7 เดือน  7 วัน จึงไม่มีใครทำได้เลย ทั้งๆ ที่พระพม่าสอนมาแล้วเป็นร้อยๆ ปี

ข้อความที่ว่านั้น รวมถึงพระพม่าที่เป็นครูบาอาจารย์ด้วย  ยังไม่มีพระพม่ารูปใดในประวัติศาสตร์ที่จะไปอุบัติในอายตนะนิพพาน ณ ปัจจุบันนี้





14 ความคิดเห็น:

  1. ดร.ครับ ผมอยากจะทราบว่าแล้ววิปัสนาที่แท้จริงคืออะไรคับ ต้องปฏิบัติอย่างไร ครับ ...... ผมหาความรู้เพิ่มเติมคับ

    ตอบลบ
  2. วิชาธรรมกายนี่แหละ "วิปัสสนา" ของจริง ของแท้แน่นอน

    หลักฐาน วิปัสสนาแปลว่า เห็นแจ้ง การปฏิบัติธรรมที่เป็นวิปัสสนากรรมฐานก็ต้องมีการเห็นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน

    สายปฏิบัติธรรมใด "ปฏิเสธการเห็น" แล้วจะเป็นวิปัสสนาได้อย่างไร

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ3 ตุลาคม 2556 เวลา 20:32

      ไม่รู้จริงอย่าตอบมั่วเสีย ด.ร หมดเดี๋ยวเป็น dog นะ
      ไปอ่านให้แจ่มแจ้งแล้วค่อยพูด
      ที่พูดธรรมกายๆนะ คงไม่ใช่ศิษย์ของวักธรรมกายนะ
      สายหลวงพ่อสดก็ดี สายหลวงปู่มั่นก็ดี สายพม่าก็ดี
      แต่การปฏิบัติจะได้ผลดีนั้นอยู่ที่จริตของคนด้วย ศึกษาให้ดีๆนะ

      ลบ
    2. ที่เขียนไปข้างบน มันผิดตรงไหนล่ะ คุณควายตู้

      ลบ
  3. คุณเสือซ่าน


    คุณเรียนถูกวิชาแล้ว แต่เรียนผิดที่ ดังนั้น คุณจึงยังลังเลสงสัย

    ให้คุณติดต่อคุณฤทธิ์ ที่เบอร์โทร 081-7621425 คุณฤทธิ์อยู่ที่จันทบุรี เขาจะสอนวิชาชั้นสูงให้คุณได้

    ตอบลบ
  4. เอาตำราจากไหนมาครับ หรือว่าพระท่านใดบอกสอน ช่วยลงชื่อตำรา หรือชื่อพระหน่อยครับ ผมจะได้เอาไปเทียบเคียงกับองค์ศาสดาของชาวพุทธ(นามว่า พระพุทธโคดม)ว่าเหมือนกับที่ท่านตรัสสอนหรือไม่ ถ้าเหมือนกับที่ท่านสอน ผมจะทรงจำธรรมนั้นไว้ ถ้าไม่เหมือนผมจะได้ละทิ้งเสีย(เป็นเรื่องนอกแนว พระองค์สั่งไว้ไม่ให้จำ)***คำแต่งใหม่หรือคำสาวกภาษิต คือต้นเหตุที่ทำให้ศาสนาค่อยๆหายไป เนื่องจากมันขัดแย้งกันเอง*** !!!แต่เมื่อใดก็ตามชาวพุทธทั้งหมดปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์โดยไม่มีการบิดเบือน!!!เมื่อนั้นชาวพุทธทั้งหมดจะเป็นหนึ่งเดียว!!!ไม่มีแยกสาย แยกนิกาย เฉกเช่นปัจจุบัน!!!

    ตอบลบ
  5. สมองหมา ปัญญาควายมาอีกตัวหนึ่งแล้ว

    ที่ผมเขียนไปมันผิดตรงไหน

    ก็อธิบายไปแล้ว สงสัยคำศัพท์ก็ไปตรวจสอบกับพจนานุกรม

    โง่แล้วขี้เกี่ยจ ก็อย่ามาพิมพ์ให้เป็นขยะในบล็อกนี้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2556 เวลา 22:29

      แล้วอันไหนมันดีครับ พุท-โธ หรือ พ่อง-ยุบ

      ลบ
    2. คุณไปถามที่อื่นเถอะ

      ผมเป็นวิทยาการสอนวิชาธรรมกาย คุณมาถามว่า ระหว่างสายพุทโธกับพองยุบอันไหนดีกว่ากัน

      อย่างไรก็ดี ถามมาแล้วก็ควรตอบ ระหว่าง 2 สายที่คุณถาม ไปสายพุทโธเถอะ

      สายสติปัฏฐาน งี่เง่าทั้งนั้น ดู ดร. สนอง วรอุไรเป็นตัวอย่าง

      ลบ
  6. สติปัฏฐาน 4 เป็นหลักธรรมที่อยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร[1] เป็นข้อปฏิบัติเพื่อรู้แจ้ง คือเข้าใจตามเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ สติปัฏฐานมี 4 ระดับ คือ กาย เวทนา จิต และ ธรรม

    คำว่าสติปัฏฐานนั้นมาจาก (สร ธาตุ + ติ ปัจจัย + ป อุปสัคค์ + ฐา ธาตุ) แปลว่า สติที่ตั้งมั่น, การหมั่นระลึก, การมีสัมมาสติระลึกรู้นั้นพ้นจากการคิดโดยตั้งใจ แต่เกิดจากจิตจำสภาวะได้ แล้วระลึกรู้โดยอัตโนมัติ โดยคำว่า สติ หมายถึงความระลึกรู้ เป็นเจตสิกประ​เภทหนึ่ง​ ส่วนปัฏฐาน ​แปล​ได้​หลายอย่าง​ ​แต่​ใน​ ​มหาสติปัฏฐานสูตร​ ​และ​ ​สติปัฏฐานสูตร​ ​หมาย​ถึง​ ​ความตั้งมั่น, ความแน่วแน่, ความมุ่งมั่น

    โดยรวมคือเข้าไปรู้เห็นในสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ตามมุ่งมองของไตรลักษณ์หรือสามัญลักษณะ โดยไม่มีความยึดติดด้วยอำนาจกิเลสทั้งปวง ได้แก่

    กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้กายเป็นฐาน ซึ่งกายในที่นี่หมายถึงประชุม หรือรวม นั่นคือธาตุ 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟมาประชุมรวมกันเป็นร่างกาย ไม่มองกายด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขา แต่มองแยกเป็น รูปธรรมหนึ่งๆ เห็นความเกิดดับ กายล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
    เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้เวทนาเป็นฐาน ไม่มองเวทนาด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขาคือไม่มองว่าเรากำลังทุกข์ หรือเรากำลังสุข หรือเราเฉยๆ แต่มองแยกเป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง เห็นความเกิดดับ เวทนาล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
    จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้จิตเป็นฐาน เป็นการนำจิตมาระลึกรู้เจตสิกหรือรู้จิตก็ได้ ไม่มองจิตด้วยความเป็นคน สัตว์ เรา เขา คือไม่มองว่าเรากำลังคิด เรากำลังโกรธ หรือเรากำลังเหม่อลอย แต่มองแยกเป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง เห็นความเกิดดับ จิตล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
    ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติระลึกรู้สภาวะธรรมเป็นฐาน ทั้งรูปธรรมและนามธรรมล้วนมีความเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2559 เวลา 14:58

    ตอนแรกคิดจะเรียนวิชชาธรรมกายเพราะดูวิธีปฏิบัติแล้วน่าจะได้ผล แต่มาลังเลตอนที่มาอ่านบทความคุณ ดร.นิสิ เลยไม่กล้ากลัวจะเหมือนคนบ้าเที่ยวกัดเขาไปทั่ว นี่ถามจริงคุณดร.เรียนแล้วอารมณ์ร้อนพูดจาแรงๆไม่ฟังความคิดเห็นของใครเลยเอาดีเข้่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น พูดแต่คำว่า "ควาย"กับ"โง่"
    ได้มาแค่นี้จริงๆหรือครับ? ผมขอบาย ไม่อยากแย่งควายกับโง่มาจากท่านดร.อะครับ!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ มีหลายกลุ่มนะ กลุ่มหนึ่งก็มีหลายคน ผมด่าคนอื่นคนเดียว คนอื่นเขาไม่ได้ด่าด้วยนะ

      เขียนอย่างนี้ จะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

      ลบ
  8. ถ้าวิชา ธรรมกาย ทำให้เป็นอรหันต์ได้ ท่านอาจารย์ควรทำตนเองให้สำเร็จก่อน ดูเหมือนธรรมกายที่ท่านฝึกมา ไม่ได้ช่วยให้ ความโกรธ มานะ ทิฐิ คุณน้อยลง เลยนะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เนื้อหามันเถียงไม่ออกหรือไงท่าน....

      สมองหมาปัญญาควายอย่างนี้ มันถึงไปไม่ถึงไหน

      ลบ