ลายเซ็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ

ถัดจากคุณปริญญาก็เป็นพระภิกษุ คือ พระมหาเวทคู ดิถีศรีวรกุล [IP: 180.180.3.149] 28 กรกฎาคม 2553 10:33  ดังนี้

สมัยในโลกปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะตำราการเผยแพร่ธรรมะ มีเป็นร้อยสำนัก หลาย ๆ สำนักพิมพ์ โดยเฉพาะพระนักเทศน์ก็มีความคิดเห็นหลายร้อยหลายพันความคิดเห็น เดี๋ยวนี้ถึงได้เลอะเทอะเประเปื้อนไปหมด เลยไม่รู้ว่าจะเชื่อตำราเล่มไหนดี อย่างเราเป็นพระเรียนก็ปวดหัวมากพอแล้ว ยังจะไปปวดหัวเรื่องการฟังธรรมะจากคนอื่นอีก เลยไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี เช่น.ยกตัวอย่างให้ฟัง หากมีคนถามว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ขันธ์ 5 สูญหรือไม่สูญ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำ บอกว่าไม่สูญ เพราะได้ฝึกมโนมยิทธิไปเห็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว ที่สวรรค์ชั้นดาวดึง ในชั้นจุฬามณี มีพระพุทธเจ้าพร้อมสาวกมากมายอยู่ที่นั่น พวกที่แต่งตำราเดี๋ยวนี้มีเป็นร้อยเป็นพัน โดยเฉพาะพวกนักวิชาการทางโลก บางครั้งก็เชื่อได้บ้าง เชื่อไม่ได้บ้าง ถ้าหากอ่านมากๆ ไม่รู้ว่าเค้าแต่งถูกต้องหรือเปล่า บางคนความรู้ธรรมะแค่นิดหน่อย แต่อาศัยเป็นผู้มีความรู้ทางโลกสูง เวลาแต่งตำราก็ทำให้พลอยน่าเชื่อถือไปด้วย แต่ว่าไม่ได้ว่าทุกคนหรอกน๋ะ เป็นบางคน ธรรมะ สมัยนี้ก็เรียกว่า ธรรมะของกูกันทั้งนั้น เฮ้อ.เห็นแล้วบางครั้งก็เกิดความเบื่อหน่ายกับพวกแต่งตำราเหมือนกัน (ขี้เกียจอ่านมันเยอะ)

ในบล็อกของ gotoknow ผมไม่ตอบข้อเขียนของพระมหาเวทคู ดิถีศรีวรกุล เพราะ ตอนนั้นเห็นว่า ท่านเข้ามารำพึงรำพันให้ความเห็น

แต่คราวนี้อ่านใหม่ และเห็นว่าควรตอบบ้างเป็นบางส่วน ดังนี้

การรำพึงรำพันว่า ตำรามีมากไม่รู้จะเชื่อใครดีนั้น  ผมก็ไม่รู้ว่าท่านจะเป็น “พระเรียน” ไปทำไม  ทำไมไม่ไปเป็นพระป่า ที่ปฏิบัติธรรมอย่างเดียว

ผมอ่านหนังสือมา น่าจะมากกว่าท่าน  ผมก็มีความรู้เดิม มีหลักวิชาการ มีหลักการของเหตุผลที่จะเลือกเชื่อว่า หนังสือเล่มไหนจริง หรือไม่จริง

ต่อไปเป็นคิวของคุณชลิต [IP: 125.25.27.183] 08 สิงหาคม 2553 09:19 คุณชลิตอ้างว่าเป็นศิษย์ของหลวงพ่อวัดอัมพวัน และให้ความเห็น ดังนี้

ผมก็เป็นผู้เจริญสติฯผู้หนึ่ง อยากจะขอกล่าวว่า ผมเป็นศินย์หลวงพ่อจรัล วัด อัมพวัน ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี หลวงพ่อท่านก็เป็นศินย์ของท่านเจ้าคุณโชดก ท่านเจ้าคุณโชดกก็เป็นศินย์ ท่านมหาสีสยาดอ อีกอย่างหลวงพ่อสดเองก็เป็นศินย์ท่านเจ้าคุณฯ ธรรรมเหล่านี้หากไม่ทำเองก็ย่อมไม่รู้ผลของธรรมนั้น จะมานั่งนึกมันก็เป็นวิปัสนึกเอา ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า หลวงพ่อจรัลนั้นมีวาระจิต หยั่งรู้ใจคนได้ซึ่งหลายๆ คนก็โดนมาแล้ว แต่ที่วัดธรรมกายนั้น วิชาที่ท่านเจ้าสำนักสอน ท่านเองก็ไม่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อสดโดยตรง ทางสำนักก็เน้นบริจาค กับสวรรค์เท่านั้น ต่างกับหลวงพ่อจรัลซึ่งก็เรียน (ธรรมกาย) มากับหลวงพ่อสดโดยตรง (ก่อนที่จะมาเรียนสติฯ) ซึ่งทางนั้นมันเป็นสมถะกรรมฐาน การเจริญสติปัฎฐานก็ยังมีในพระไตรปิฎกใน มหาสติปัฎฐานสูตร อีกอย่างพระวิปัสนาจารย์ในไทยส่วนใหญ่ก็ไปเรียนกับสำนักท่านสีมหาสยาดอ บ้าง คณะ5 วัดมหาธาตุบ้าง พระอาจารย์ ดร.ภัททันตะ บ้าง หรือทั้งหมด พระในบ้านเราเป็นพระฝ่ายเถรวาทคือ เชื่อตามพระเถระ ผมเองก็เชื่อเพราะสิ่งที่ผมเชื่อผมได้ปฏิบัติเอง ทำเอง ตามคำชี้แนะของพระอาจารย์ และผมก็ยิ่งเชื่อว่าที่หลวงพ่อจรัลเคยบอกมานานแล้วว่า ต่อไปจะมีพวกที่จบ ดร. มากล่าวหามาทำลายศาสนามากขึ้นเพราะความเป็นมิจฉาฯ เพราะความมีมานะ ถือว่าตนจบทางโลกมาสูง เอาความคิดเห็นส่วนตัวมาแฝงไว้ในคำสอนของพระพุทธเจ้า พระธรรมนั้นเป็น โอปนยิโก ปัจตัง ขอบุญรักษา ธรรมคุ้มครองทุกท่าน

ในช่วงนั้น ผมตอบคุณชลิตไป ดังนี้ (08 สิงหาคม 2553 20:15)

เรียน คุณชลิต [IP: 125.25.27.183] 1) คุณชลิต ขอร้องอย่ามามั่วนิ่มแถวนี้ บล็อกนี้เขาต้องการความเป็นวิชาการ ต้องหลักฐาน ที่ผมเขียนไปข้างบนนั้น เป็นหลักวิชาการเป๊ะๆ คุณลองแย้งมาอย่างวิชาการหน่อยซิว่า ที่ผมเขียนไปบกพร่องตรงไหน อย่างไร อย่ามา เพ้อเจ้อละเมอเพ้อพกไปเรื่อย คนอ่านเขาไม่เชื่อคุณหรอก 2) อย่ามามั่วนิ่มว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นลูกศิษย์พระมหาโชดก ฝันกลางวันหรือไง คุณชลิต ก่อนพระโชดกจะไปเรียนไม่จบที่พม่านั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำโด่งดัง เป็นเจ้าสำนักมานานแล้ว ที่ๆ ไปสอนประจำก็คือ วัดมหาธาตุนั่นแหละ ไปสอนยุคเจ้าอาวาสก่อนพระพิมลธรรม (อาจ อาสนภมหาเถร) อาจารย์ของพระมหาโชดกจะเป็นเจ้าอาวาส พระมหาโชดกไปเรียนที่พม่า 9 เดือนก็กลับแล้ว ผมว่าเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ เพราะ ทางพม่าต้องส่งพระมาดูแลอีก 2 รูป ตอนนั้น พระพิมลธรรม (อาจ อาสนภมหาเถร) เป็นพระผู้ใหญ่ ขอร้องให้หลวงพ่อวัดปากน้ำเรียนวิชาใหม่นี้ แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ได้เรียน หลวงพ่อเชิญพระโชดกไป สาธิตวิชาพม่านี้ ที่ ในโบสถ์วัดปากน้ำ เป็นการสาธิตกันสองต่อสอง ปิดประตูโบสถ์สาธิตกัน ตรงนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือที่วัดปากน้ำ เณรคนปิดประตูโบสถ์ตอนหลังเรียนจบปริญญาเอกได้บันทึกไว้ พอจบการสาธิต หลวงพ่อก็มอบรูปให้ พร้อมเขียนว่า ให้สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุไว้ เป็นที่ระลึก ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบแผนที่วัดมหาธาตุสอนอยู่ใน ปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่า การปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ พระภาวนาโกศลเถระ วัดปากน้ำ ธนบุรี 10 เมษา/พฤษภา 2497 (ตรงเดือนอ่านไม่ออก) คุณลองอ่านดูซิ เป็นข้อเขียนของลูกศิษย์ให้อาจารย์หรือไง การเขียนแบบนี้ คนเขียนต้องมีภูมิรู้มากกว่า เก่งกว่า ชำนาญกว่า เขียนรับรองให้พวกอ่อนๆ เท่านั้น แล้วคุณไปอ่านเจอให้หนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำเล่มไหน ตรงไหนหรือ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำรับเอาพระมหาโชดกเป็นอาจารย์ มีซะพวกตู่ มั่วนิ่ม กันไป ถ้าพระมหาโชดกเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำจริง คงไม่ปล่อยให้ตกระกำลำบากอยู่ตอนนี้หรอก ผมบอกคุณเลย พระมหาโชดกไม่ได้ขึ้นสวรรค์ วิชาธรรมกายตรวจสอบได้ และตรวจสอบแล้ว ยืนยัน คุณจะแย้งยังไง ในเมื่อวิชาของคุณห้ามเห็นไปทั้งหมด นี่รวมถึงพระมหาสีสะยาดอว์ด้วย แต่พระพิมลธรรม (อาจ อาสนภมหาเถร) ขึ้นสวรรค์ ยืนยันเหมือนกัน 3) หลวงพ่อจรัลเป็นอาจารย์ผมเหมือนกัน บวชให้ผมด้วย 1 พรรษา คุณไปนั่งนึกให้ดี คำสอนของหลวงพ่อระยะหลังๆ นี้ ไม่ตรงตามคำสอนของพระมหาโชดกเลย คุณไปลองอ่านให้ดีๆ หลวงพ่อจะพูดว่า "สติปัฏฐาน 4 แบบของฉัน", "สติปัฏฐาน 4 แบบวัดอัมพวัน" หลวงพ่อจรัล ท่านพัฒนาความรู้ของท่านที่เรียนมาทั้งหมด ตั้งแต่พุทโธ ธรรมกาย พอง-ยุบ น่าจะรวมไสยศาสตร์ที่เรียนตอนหนุ่มๆ ด้วย เป็นองค์ความรู้ของท่านเองแล้ว หลวงพ่อเห็นผี เห็นเทวดา รู้วาระจิต (ที่คุณยืนยันมา ผมก็รับรองว่า หลวงพ่อทำได้จริงๆ) แต่วิชาเหล่านี้ พระมหาโชดก พระมหาสีสะยาดอว์ท่านไม่รับว่าเป็นวิชาของท่าน หลวงพ่อจรัลท่านเป็นพระดี ปฏิบัติดี ตอนหลังท่านมีแนวคิดแตกต่างไปจากอาจารย์ ท่านไม่เคยลบหลู่อาจารย์ คุยว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ก็ฉลาดอย่างหลวงพ่อหน่อย อย่ามาปล่อยความโง่เลย ขอร้อง.......... ขอแถมอีกหน่อยก็ได้ ดร. สนอง วรอุไร ที่ดังๆ ขึ้นมา เพราะ ท่านเห็นผี เห็นเทวดา ดร. สนอง ท่านก็ไม่เชื่อคำสอนของพระมหาโชดกกับพระมหาสีสะยาดอว์เหมือนกัน ดร. สนองเขียนในหนังสือของท่านว่า "ผมเห็นของผมจริงๆ" ไปหาอ่านดู หนังสือน่ะ อ่านแล้วไม่ได้ฉลาดเสมอไป ถ้าอ่านแบบโง่ๆ ต้องอ่านแล้ว คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า เปรียบเทียบ ฯลฯ จึงจะฉลาด

เท่าที่จำได้ คุณชลิตไม่เคยมาให้ความเห็นอีกเลย  คงตกใจว่า ผมบวชที่วัดอัมพวัน 1 พรรษา ความรู้ก็แน่นกว่าเยอะ 

สุดท้ายแถมความคิดที่เห็นด้วยสัก 1 คน นานๆ จึงจะมีสักคนสองคน ส่วนใหญ่เข้ามาหาเรื่องกันทั้งนั้น   ส่วนใหญ่ก็ได้ “เรื่อง” กลับไปกันทั้งนั้นเหมือนกัน

สมโภชน์ [IP: 124.121.206.54]  05 กันยายน 2553 22:10   ผมก็ว่าอยู่แล้วว่า  มีบางท่านบอกให้ตัดนิมิตทุกอย่างทิ้งไป  มันไมใช่สาระ  แต่สำหรับผมนิมิตที่เกิดมีหลายครั้ง  ทั้งคนตายที่มาบอกกล่าวถึงเรื่องภพภูมิ  หรือมีพระมาสอนธรรม  หรือวิญญาณมาขอส่วนบุญ  หรือเทวดามาหา  ผมจะรู้ว่านิมิตอะไรคืออะไร  ผมรู้ว่านิมิตไหนเป็นนิมิตจริงหรือนิมิตลวง  เพราะว่าผมเคยสร้างนิมิตเล่นเองเลยด้วยซ้ำไป (แต่ตอนนี้ไม่แล้ว) แล้วที่พระมาสอนธรรมหรือเทวดามาบอกอะไร  ถ้าไม่จำไว้พิจารณาเพื่อเปรียบเทียบในข้อธรรม  แล้วจะเอาความรู้มาจากไหนกันหล่ะ  หลวงพ่อจรัญเองก็ยังเคยเล่าเกี่ยวกับเรื่องนิมิตของท่านอยู่บ่อยๆ เรื่องของนิมิตนี้ถ้าเป็นความรู้ในด้านธรรม  ถ้าไม่นำมาพิจารณาเพื่อให้ปัญญาเกิดการต่อยอดองค์ความรู้จากการพิจารณานี้  มัวแต่ตัดทิ้งอย่างเดียว  แล้วจิตจะเกิดการเห็นแจ้งในธรรมได้อย่างไร แต่ยังไงผมก็จะรอติดตามข้อมูลของคุณต่อไปนะครับ

บทความในชุดเดียวกัน

1) สติปัฏฐาน 4 เป็นเพียงอนุปัสนา

2) ปฏิเสธการเห็น

3) ธรรมชาติของพระไตรปิฎก

4) ลายเซ็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ

5) “หาธรรม” คนโง่

6) นักศึกษาโง่ๆ

7) ความเห็นของพวกโง่

8) ผ่านมาแสดงความโง่

9) วิชาธรรมกายอธิบายได้ดีกว่า

10) สายไหนก็ไม่สำคัญ