บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

อ่านตรงนี้ก่อน


บทความชุดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า สติปัฏฐาน 4 ไม่เป็นวิปัสสนาอย่างที่เข้าใจผิดกันเป็นจำนวนมากในประเทศไทย

สติปัฏฐาน 4 เป็นแต่เพียงอนุปัสนาเท่านั้น

ขอยกตัวอย่างสั้นๆ เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจก่อน ดังนี้

สติปัฏฐานสูตร ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า สติปัฏฐาน 4 เพราะ มี 4 หัวข้อธรรมะใหญ่ ดังนี้
- กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
- เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
- จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
- ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน


คำทั้ง  4  คำนั้น เป็นคำสนธิ  รากศัพท์ของคำทั้ง  4  คำนั้น มีดังนี้

กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
กาย
+ อนุ
+ ปัสสนา
+ สติ
+ ปัฏฐาน
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
เวทนา
+ อนุ
+ ปัสสนา
+ สติ
+ ปัฏฐาน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
จิต
+ อนุ
+ ปัสสนา
+ สติ
+ ปัฏฐาน
ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
ธรรม
+ อนุ
+ ปัสสนา
+ สติ
+ ปัฏฐาน

รวมคำพื้นฐานเข้าด้วยกันก่อน ก็เหลือดังนี้

กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
กาย
+  อนุปัสสนา
+  สติปัฏฐาน
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
เวทนา
+  อนุปัสสนา
+  สติปัฏฐาน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
จิต
+  อนุปัสสนา
+  สติปัฏฐาน
ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
ธรรม
+  อนุปัสสนา
+  สติปัฏฐาน

รวมคำพื้นฐานเข้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง ก็เหลือดังนี้

กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
กาย
+  อนุปัสสนาสติปัฏฐาน
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
เวทนา
+  อนุปัสสนาสติปัฏฐาน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
จิต
+  อนุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
=
ธรรม
+  อนุปัสสนาสติปัฏฐาน

ความหมายของ “อนุปัสสนา” กับ “วิปัสสนา” นั้นแตกต่างกันกัน คือ ถึงแม้จะคำหลักคือ “ปัสสนา” ที่แปลว่า “เห็น” ด้วยกันก็ตาม

อนุปัสนาแปลว่า ตามเห็น”  ส่วน วิปัสสนาซึ่งแปลว่า เห็นแจ้ง

ขอย้ำให้เข้าใจยิ่งขึ้น “ปัสสนา” แปลว่า “เห็น” “วิ” แปลว่า “แจ้ง”  “อนุ” แปลว่า “น้อย, ตาม

ดังนั้น คำโฆษณาเกินจริงของพระพม่าที่ว่า ปฏิบัติธรรมแบบที่พระพม่าสอน แล้วคนไทยหัวใจพม่าเอามาเลียนแบบตามนั้น

จะบรรลุผลเป็นพระอรหันต์ ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ก็ไม่เป็นความจริง

การที่สายปฏิบัติธรรมจำนวน 2 สาย คือ สายพอง-ยุบและสายนาม-รูปเข้าใจผิดตามพระพม่าว่า การปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งของสติปัฏฐาน  4  คือ พิจารณาอิริยาบถใหญ่และอิริยาบถย่อยว่า เป็นอนิจจัง/ทุกขัง/อนัตตานั้น สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้ เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์

ความเข้าใจผิดดังกล่าวนั้น เกิดจาก ความเชื่อพระพม่า อย่างไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

ในการสอนนั้น พระพม่าพยายามโน้มน้าวสานุศิษย์ว่า องค์ความรู้ที่นำมาสอนนั้น นำมาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค และพระอภิธรรมของพระไตรปิฎก

แต่คำสอนของพระพม่าส่วนใหญ่ ไม่ตรงตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคและขัดกับพระไตรปิฎกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพิจารณาจากหลักการของวิชาภาษาศาสตร์ (Linguistics)

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย พระไตรปิฎกมีเนื้อหาชัดเจนว่า พระพุทธองค์ทรงบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญเดือน 6 นั้น ด้วย วิชชา 3

พระพม่าแทบจะไม่กล่าวถึง วิชชา 3 เลย  แล้วจะบรรลุพระอรหันต์ไปได้อย่างไร

ยิ่งกว่านั้นแล้ว พระพม่าไม่เคยกล่าวถึง “บารมี 30 ทัศ” เช่นเดียวกัน  แล้วจะบรรลุพระอรหันต์ไปได้อย่างไร

ในด้านวิชาการแล้ว พระพม่าจะต้องอธิบายให้เห็นชัดเจนว่า การบรรลุธรรมภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วันของท่านนั้น 

ทำไมไม่ผ่านวิชชา 3 แล้วทำไมไม่ต้องบำเพ็ญบารมีให้ครบ 30 ทัศ

ไม่ใช่ทำราวกับว่า ไม่มีเรื่องวิชชา 3 กับเรื่องบารมี 30 ทัศในพระไตรปิฎกเลย ทำเป็นอ่านไม่พบเสียอย่างนั้น

การไม่มีความคิดเป็นของตัวเองของกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมสายพองยุบกับสายนามรูปนั้น เกิดจากการขาดรากฐานทางวิชาการ ขาดการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และขาดความรู้ความเข้าใจในด้านภาษาศาสตร์ ทำให้เกิดผลเสียอย่างมหันต์แก่ตนเอง และพวกพ้อง

เนื่องจากการตรวจสอบจากผู้บรรลุวิชชาธรรมกายระดับสูง พบว่า พระมหาสีสะยาดอว์ (The venerable Mahasi Sayadaw) เอง เมื่อมรณภาพไปแล้วมิได้ไปอยู่อย่างมีความสุขในสุคติภูมิแต่อย่างใด

ในกรณีนี้ รวมทั้งพระมหาโชดกด้วย ขนาดได้ข่าวว่า มรณภาพในท่านั่งสมาธิเสียด้วย

ก่อนอื่นต้องขอบอกกล่าวให้เป็นการทั่วไปก่อนว่า  การวิพากษ์วิจารณ์ที่จะกระทำกันต่อไปนั้น  ผมไม่ได้หมายความว่า พระพม่า พระโชดก ฯลฯ เป็นพระที่มีความบกพร่องในวัตรปฏิบัติ  เป็นพระที่เลวร้ายไม่น่านับถือ อย่างสมีไชยบูลย์

ผมขอยืนยันว่า เท่าที่ศึกษามาไม่พบว่า พระภิกษุดังกล่าวนั้น มีความบกพร่องเรื่อง ศีลแต่ประการใด

ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไปนั้น เป็นเรื่องของ คำสอนที่ผิดพลาดบกพร่องในระดับสูง ซึ่งทำให้คนที่เชื่อ เนิ่นช้าต่อมรรคผลนิพพาน

ระดับพื้นฐานนั้นถูกต้อง  ปฏิบัติธรรมตามสายพอง-ยุบ หรือสายนาม-รูปเป็นปกติ รับรองขึ้นสวรรค์แน่ๆ

แต่ได้ขึ้นเพียงสวรรค์ชั้น  1 เท่านั้น

ที่ต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำสอนของพระพม่าก็เพราะว่า พระพม่าไม่ได้เผยแพร่คำสอนของท่านแต่เพียงอย่างเดียว

ท่านได้ทำ สิ่งที่ไม่ควรทำคือ กล่าวหาว่า การปฏิบัติธรรมในประเทศไทยเป็น สมถกรรมฐานทั้งหมด ไม่มี วิปัสสนากรรมฐานเลย

คำกล่าวหาของพระพม่านั้น ไม่เป็นความจริง

ผมจะได้พิสูจน์ให้หมดเปลือกในบันทึกชุดนี้ต่อไป ...