บันทึกชุดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า สติปัฏฐาน 4 ไม่เป็นวิปัสสนาอย่างที่เข้าใจผิดกันเป็นจำนวนมากในประเทศไทย
วิปัสสนาเป็นแต่เพียงอนุปัสสนาเท่านั้น
การที่สายปฏิบัติธรรมจำนวน 2 สาย คือ สายพอง-ยุบและสายนาม-รูปเข้าใจผิดตามพระพม่าว่า การปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งของสติปัฏฐาน 4 คือ พิจารณาอิริยาบถใหญ่และอิริยาบถย่อยว่า เป็นอนิจจัง/ทุกขัง/อนัตตานั้น สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้ เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์
ความเข้าใจผิดดังกล่าวนั้น เกิดจาก “ความเชื่อ” พระพม่า อย่างไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
ในการสอนนั้น พระพม่าพยายามโน้มน้าวสานุศิษย์ว่า “องค์ความรู้” ที่นำมาสอนนั้น นำมาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค และพระอภิธรรมของพระไตรปิฎก
แต่คำสอนของพระพม่าส่วนใหญ่ ไม่ตรงตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคและขัดกับพระไตรปิฎกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพิจารณาจากหลักการของวิชาภาษาศาสตร์ (Linguistics)
การไม่มีความคิดเป็นของตัวเองของกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมสายพองยุบกับสายนามรูปนั้น เกิดจากการขาดรากฐานทางวิชาการ ขาดการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และขาดความรู้ความเข้าใจในด้านภาษาศาสตร์ ทำให้เกิดผลเสียอย่างมหันต์แก่ตนเอง และพวกพ้อง
เนื่องจากการตรวจสอบจากผู้บรรลุวิชชาธรรมกายระดับสูง พบว่า พระมหาสีสะยาดอว์ (The venerable Mahasi Sayadaw) เอง เมื่อมรณภาพไปแล้วมิได้ไปอยู่อย่างมีความสุขในสุคติภูมิแต่อย่างใด
ในกรณีรวมทั้งพระมหาโชดกด้วย
ก่อนอื่นต้องขอบอกกล่าวให้เป็นการทั่วไปก่อนว่า การวิพากษ์วิจารณ์ที่จะกระทำกันต่อไปนั้น ผมไม่ได้หมายความว่า พระพม่า พระโชดก ฯลฯ เป็นพระที่มีความบกพร่องในวัตรปฏิบัติ
ผมขอยืนยันว่า เท่าที่ศึกษามาไม่พบว่า พระภิกษุดังกล่าวนั้น มีความบกพร่องเรื่อง “ศีล” แต่ประการใด
ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไปนั้น เป็นเรื่องของ “คำสอน” ที่ผิดพลาดบกพร่องในระดับสูง ซึ่งทำให้คนที่เชื่อ “เนิ่นช้าต่อมรรคผลนิพพาน”
ระดับพื้นฐานนั้นถูกต้อง ปฏิบัติธรรมตามสายพอง-ยุบ หรือสายนาม-รูปเป็นปกติ รับรองขึ้นสวรรค์แน่ๆ
แต่ได้ขึ้นเพียงสวรรค์ชั้น 1 เท่านั้น
ที่ต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำสอนของพระพม่าก็เพราะว่า พระพม่าไม่ได้เผยแพร่คำสอนของท่านแต่เพียงอย่างเดียว
ท่านได้ทำ “สิ่ง” ที่ไม่ควรทำคือ กล่าวหาว่า การปฏิบัติธรรมในประเทศไทยเป็น “สมถกรรมฐาน” ทั้งหมด ไม่มี “วิปัสสนากรรมฐาน” เลย
คำกล่าวหาของพระพม่านั้น ไม่เป็นความจริง
ผมจะได้พิสูจน์ให้หมดเปลือกในบันทึกชุดนี้ต่อไป
********************************
ดร. มนัส โกมลฑา (Ph.D. Integrated Sciences)
สาขาวิชามนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น